พัทลุง, 19 สิงหาคม 2563 – วานนี้ (18 ส.ค. 63) ที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เป็นวันที่ 2 ที่ชาวบ้านเหมืองตะกั่ว หมู่ที่ 1 ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ได้มาชุมนุมเรียกร้องให้มีการยุติโครงการเขื่อนเหมืองตะกั่ว หรือที่กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเรียกว่าอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว ซึ่งได้ยื่นหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าชาวบ้านจะปักหลักที่ศาลากลางเพื่อรอฟังคำตอบภายในวันที่ 21 ส.ค. 63 หากรัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกการสร้างเขื่อน ชาวบ้านเหมืองตะกั่วและชาวพัทลุง รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ที่อยู่ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจะเดินทางไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล

ซึ่งชาวบ้านเหมืองตะกั่วเริ่มมีการคัดค้านโครงการดังกล่าวใน ปี พ.ศ.2557 โดยมีการร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกรายงานการตรวจสอบที่ 864/2558 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ระบุว่าไม่มีความจำเป็นในการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่ว และมีหนังสือถึงกรมชลประทานให้ระงับโครงการในวันที่ 7 กันยายน 2558 ความคืบหน้าของโครงการในปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ซึ่งจะใช้ประกอบการพิจารณาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด และขออนุมัติโครงการต่อไป
นายวิเชียร ยาชะรัด ชาวบ้านเหมืองตะกั่ว ซึ่งปักหลักรอฟังคำตอบจากรัฐบาลให้ยุติโครงการสร้างเขื่อนที่หน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า การสร้างเขื่อนทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสียผืนป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านผูกพันมาหลายรุ่น อยู่ที่นี่กันมาประมาณ 200 ปี ชาวบ้านรักษาป่า คัดค้านการสัมปทานป่าไม้ ที่นี่มีไม้หลุมพอ ไม้ตะเคียนอยู่มาก ชาวบ้านมีการจัดการน้ำโดยการทำฝายมีชีวิต โดยคนในหมู่บ้าน และคนภายนอก ประมาณ 200 คน มาช่วยกันสร้างฝาย ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน

“เขื่อนจะตัดวิถีชีวิตของชาวบ้านออกจากป่า ป่าให้ความสุข ป่าให้น้ำ ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ มีปลากินมีปลาขาย สายน้ำเหมืองตะกั่วหล่อเลี้ยงชาวบ้าน 3 อำเภอของจังหวัดพัทลุง เริ่มจากบ้านบังเชียรที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน ไหลต่อไปยังอำเภอตะโหมด และอำเภอบางแก้ว ป่าให้ของป่า เช่น น้ำผึ้ง สะตอ ที่เป็นอาหารและเป็นรายได้เสริมของชุมชน ชาวบ้านประมาณ 100 คน พึ่งพารายได้จากป่า เช่น เก็บสะตอปีละประมาณ 1,000,000 บาท, จับผึ้งในช่วง 2 เดือน ต่อปี ประมาณ 1,000 ขวด ขวดละ 500 บาท เป็นรายได้ประมาณ 500,000 บาท”
“ซึ่งชาวบ้านได้เรียนรู้ผลกระทบจากเขื่อนป่าบอน อำเภอป่าบอน ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กม. และเขื่อนคลองหัวช้าง อำเภอตะโหมด ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 14 กม. ส่งผลให้มีการทำลายป่าไปนับหมื่นไร่ จากการสร้างเขื่อนและการเป็นใบเบิกทางให้มีการทำลายป่ารอยเขื่อน เจ้าของโครงการอ้างว่าสร้างเขื่อนเพื่อการเกษตร แต่ที่เขื่อนป่าบอน ไม่มีน้ำใช้ในหน้าแล้ง เขื่อนชำรุดเก็บน้ำไม่อยู่ ต้องซ่อมทุกปี ชาวบ้านจึงแซวกันว่า “สร้างเขื่อนเพื่อเลี้ยงวัว” ในส่วนน้ำก็เสียด้วย อาบน้ำแล้วมีอาการคัน” นายวิเชียรกล่าว

สำหรับข้อมูลโครงการ เขื่อนเหมืองตะกั่วเป็นเขื่อนดิน มีความจุเก็บกักน้ำ 10.14 ล้านลูกบาศก์เมตร ความกว้างสันเขื่อน 8 เมตร ความยาวสันเขื่อน 420 เมตร ความสูงเขื่อน 48 เมตร พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาบรรทัด และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด เขื่อนเหมืองตะกั่วมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค เลี้ยงสัตว์ ยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎร และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ
ในส่วนรายละเอียดของหนังสือที่ชาวบ้านเหมืองตะกั่วได้ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ระบุถึงเหตุผลในการขอให้มีคำสั่งยกเลิกการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่ว 5 ข้อ ได้แก่
- โครงการดังกล่าวมีความไม่ชอบมาพากลเพราะไม่ได้ผ่านการทำเวทีประชาคมตามที่กล่าวอ้าง
- การสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่วไม่มีความจำเป็นเนื่องจากในระยะประมาณ 10 กม. มีเขื่อนอยู่แล้ว 2 เขื่อน คือ เขื่อนป่าบอน และเขื่อนคลองหัวช้าง โดยเขื่อนทั้งสร้างได้สร้างหายนะด้านสิ่งแวดล้อม และประชาชนไม่ได้ใช้น้ำตามที่กล่าวอ้างตั้งแต่ตอนสร้างเขื่อน
- คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ทำการไต่สวนกรณีความขัดแย้งในการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่ว ซึ่งมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบ โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกรายงานการตรวจสอบที่ 864/2558 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มีความจำเป็นในการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่ว โดยให้จังหวัดและประชาชนร่วมกันหาทางออกการจัดการน้ำ
- กรมชลประทานได้จัดทำ “รายงานสิ่งแวดล้อมปลอม” เมื่อปี 2556 โดยรายงานทั้งฉบับคัดลอกข้อมูลมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกระบวนการฉ้อฉลและดูถูกประชาชนเป็นอย่างมาก
- พื้นที่การสร้างเขื่อนอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตอุทยาน ซึ่งประเทศควรรักษาไม้และสายน้ำรวมถึงสัตว์ป่านานาชนิด ให้เป็นมรดกของคนรุ่นหลัง เป็นการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ล่าสุดวันนี้ (19 ส.ค. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล และ นายวรา จันทร์มณี เป็นตัวแทนเครือข่ายคนพัทลุง ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) โดยระบุว่า โครงการเขื่อนเหมืองตะกั่ว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ที่เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใส 2 ประการ คือ 1.โครงการไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของชุมชนก่อนบรรจุเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่เอกสารคำขอกล่าวอ้าง 2.โครงการเขื่อนเหมืองตะกั่ว ถูกบรรจุเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระรชดำริ แต่เนื้อหาผลการศึกษาลอกรายงานของจังหวัดเพชรบูรณ์มา จึงขอให้ กปร.ออกประกาศยกเลิกโครงการเขื่อนเหมืองตะกั่วออกจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพราะเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมอย่างชัดเจน
