เวลา 10.00 น. วันนี้ (12 พฤษภาคม 2561) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) กับรัฐบาลและ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินคณะที่ 5 (กขป.5) ได้มีการลงนามข้อตกลงร่วมบันทึกข้อตกลงการดำเนินการแก้ไขปัญหาราษฎร โดยมีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบกและผู้ช่วยเลขานุการ กขป.5 ร่วมลงนามกับตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ณ บริเวณใต้ทางด่วนริมคลองประปา ด้านข้างกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นพื้นที่ปักหลักของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยข้อตกลงได้มุ่งเน้นการคุ้มครองพื้นที่ชุมชนที่ได้ดำเนินการยื่นขอโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อราษฎรและชุมชน จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการส่งมอบพื้นที่ การชะลอการดำเนินคดีกับราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายทวงคืนผืนป่า และจะดำเนินการแนวทางตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 โดยจะดำเนินการชะลอการดำเนินคดี และแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบโดยเร่งด่วนในกรณีการดำเนินคดีกับราษฎรในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ จำนวน 10 พื้นที่ การเร่งรัดติดตามกำกับดูแล และแก้ไขปัญหาตามที่ ขปส. ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับกระทรวงต่างๆ อาทิเช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสถาบันการจัดการธนาคารที่ดิน(บจธ.) โดยกรณีที่มีความคืบหน้าไปแล้วให้มีการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินคณะที่ 5 (กขป.5) โดยมีสัดส่วนคณะอนุกรรมการที่เป็นตัวแทน ขปส. จำนวน 12 คน และดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดังกล่าวภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 และให้มีการจัดประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาภายใต้อนุกรรมการภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ได้ขอให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีบัญชามอบให้รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธาน และรองประธาน (ตามลำดับ) ในคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2553 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ2) พ.ศ.2555 และให้คณะกรรมการที่มีอยู่ในปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
กรณีข้อตกลงการชะลอการดำเนินคดีกับราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายทวงคืนผืนป่า และจะดำเนินการแนวทางตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 มีรายละเอียดผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 10 กรณี ดังนี้
- กรณีปัญหาปลูกสร้างสวนป่าคอนสาร ตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ
- กรณีอุทยานแห่งชาติไทรทองชุมชนซับหวาย ชุมชนซับ สะเลเต ชุมชนหนองผักแว่น ชุมชนซอกตะเคียน ชุมชนหินรู ตำบลห้วยแย้ ตำบลวังตะเฆ่ อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
- กรณีที่สาธารณะประโยชน์ป่าช้าบ้านร้าง ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร
- กรณีที่สาธารณะประโยชน์ โคกปออีกว้าง บ้านกุดแข้ ต.กุดเชียงหมี อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร
- ชุมชนห้วยน้ำหิน ต.สถาน อ.นาน้อย จ.น่าน บ้านนา บ้านหมาก บ้านป่ากล้วย บ้านใหม่ จัดสรรจำนวน 48 ราย
- สวนป่า แปลงปลูกป่า ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ บ้านหัวฝาย และ บ้านปู่ไข่ ต.บ้านดู่ อ. เมือง จ.เชียงราย
- ชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ หมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล
- ชุมชนหลังเวทีสะพานหิน หมู่ 7 ตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
- ชุมชนชาวเลราไวย์ หมู่ที่ 2 ตำบลราไวย์ อ.เมืองจ.ภูเก็ต
- กรณีชุมชนทับเขือ ปลักหมู หมู่ที่ 1 ตำบล บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง และ หมู่ที่๑ ตำบลชั่ง อ.นาโยง จ.ตรัง
และเร่งรัดติดตามกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาตามที่ ขปส. ที่ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันแล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำนำนักนายกฯ ร่วมลงนาม ที่มีรายละเอียดดังนี้
- กรณีห้วยฝั่งแดง จะดำเนินการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
- ดำเนินการเร่งรัดจัดหาที่ดิน และช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ราษฎร 6 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ พื้นที่บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
- เร่งรัดดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิของนายทุนทับที่รัฐ ตามมติ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐ(กบร.) พื้นที่ชุมชนบ้านทับยาง ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
- ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาของราษฎรของ ขปส. ในแต่ละจังหวัดให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามแนวทางข้อตกลงให้ลุล่วงโดยเร็ว
- ให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 สิงหาคม 2546
- และกรณีอื่นๆ ที่อาจตรวจพบปัญหาภายหลัง
ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบกและผู้ช่วยเลขานุการ กขป.5 ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าการทำข้อตกลงครั้งนี้ได้มีการเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ตามที่มีเนื้อหาและหลักการที่ได้ทำข้อตกลงก่อนหน้านั้นแล้ว และรองนายกได้อนุมัติให้ดำเนินการบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เรื่องไหนที่ กขป.5 ทำได้ก็ให้ทำข้อตกลงและดำเนินการได้เลย ส่วนเรื่องไหนที่เกินกำลังก็ให้นำเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มชุมนุมจะสามารถปักหลักติดตามความคืบหน้าต่อไปได้หรือไม่ เสนาธิการทหารบกกล่าวว่า “ไม่ได้ เพราะได้ดำเนินการบันทึกข้อตกลงร่วมกันแล้ว ไมีมีความจำเป็นต้องอยู่ต่อ จากนี้ต่อไปจะให้แกนนำเข้าร่วมหารือติดตามความคืบหน้าทุกๆ 30 วัน”
อย่างไรก็ตามกลุ่มพีมูฟ จะได้มีการแถลงการณ์ยุติการชุมนุมอย่างเป็นทางการในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ โดย กขป.5 ได้จัดเตรียมยานพาหนะให้กลุ่มพีมูฟได้เดินทางกลับภูมิลำเนา